Law3S Logo
Law3S
ระบบงานกฎหมายอัจฉริยะ
← กลับหน้ารวมบทความ

อัปเดตใหม่ ปี 2568! กรอบเวลาพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมทุกชั้นศาล

อัปเดตใหม่ ปี 2568! กรอบเวลาพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมทุกชั้นศาล


เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ "ประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง กำหนดระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๘" ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป

ประกาศฉบับนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกระบวนการยุติธรรมไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า แต่ก็ไม่กระทบต่อความเป็นอิสระในการอำนวยความยุติธรรมของศาล

เว็บไซต์ law3s ในฐานะผู้ให้บริการค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกาและข้อกฎหมายจึงได้สรุปสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายทุกท่าน ดังนี้


ศาลชั้นต้น

กรอบระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีในศาลชั้นต้นถูกแบ่งตามประเภทคดีต่างๆ ดังนี้:

  • คดีอาญาที่จำเลยต้องขังระหว่างพิจารณา: ต้องแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันออกหมายขังระหว่างพิจารณา
  • คดีจัดการพิเศษ: กำหนดเวลาภายใน 6 เดือน นับแต่วันรับฟ้องหรือวันรับคำร้องขอ
    • คดีจัดการพิเศษคืออะไร?
      • คดีแพ่ง: เช่น คดีมโนสาเร่, คดีผู้บริโภค, คดีไม่มีข้อพิพาท (เช่น ร้องขอจัดการมรดก), คดีที่จำเลยขาดนัด และคดีสาขา (เช่น ร้องขัดทรัพย์, ขอกันส่วน)
      • คดีอาญา: เช่น คดีที่จำเลยรับสารภาพ, กระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้อง หรือคดีสาขา (เช่น ร้องขอคืนของกลาง)
  • คดีสามัญ:
    • ศาลจังหวัด: ภายใน 1 ปี นับแต่วันรับฟ้อง
    • ศาลแขวง: ภายใน 6 เดือน นับแต่วันรับฟ้อง
  • คดีสามัญพิเศษ:
    • ศาลจังหวัด: ภายใน 1 ปี 6 เดือน นับแต่วันรับฟ้อง
    • ศาลแขวง: ภายใน 1 ปี นับแต่วันรับฟ้อง
  • คำร้องขอปล่อยชั่วคราว/ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง: ต้องดำเนินการภายในวันที่ได้รับคำร้อง
  • คำร้องและคำขอต่างๆ: ภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง

ข้อยกเว้น: ระยะเวลาอาจล่าช้ากว่ากำหนดได้หากมีเหตุจำเป็น เช่น การโอนสำนวนคดี, การส่งร่างคำพิพากษาเพื่อตรวจ, การรอฟังผลคดีอื่น, หรือข้อขัดข้องจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งเมื่อเหตุนั้นสิ้นสุดลง ศาลจะดำเนินการต่อโดยไม่นับระยะเวลาที่ล่าช้าดังกล่าวรวมเข้ามา


ศาลอุทธรณ์ภาคและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

สำหรับชั้นอุทธรณ์ มีการแบ่งประเภทคดีเพื่อความรวดเร็วในการบริหารจัดการ ดังนี้:

  • คดีเร่งพิเศษ: ภายใน 4 เดือน นับแต่วันที่ได้รับสำนวนจากศาลชั้นต้น
    • เป็นคดีที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น คดีที่มีปัญหาเฉพาะดุลพินิจในการลงโทษ หรือคดีที่จำเลยรับสารภาพและศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไม่สูง
  • คดีเร่ง: ภายใน 8 เดือน นับแต่วันที่ได้รับสำนวนจากศาลชั้นต้น
    • เป็นคดีที่มีความซับซ้อนขึ้นมาบ้าง เช่น คดีแพ่งที่อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย หรือคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องหรือลงโทษจำคุกไม่เกินสองปีและจำเลยต้องขังระหว่างอุทธรณ์
  • คดีประเภทอื่น (คดีพิเศษ, คดีทั่วไป หรือคดีธรรมดา): ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับสำนวน
  • คำร้องขอปล่อยชั่วคราว: ภายในวันที่ได้รับคำร้องจากศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์

  • คดีเร่งพิเศษ: ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับสำนวน
  • คดีประเภทอื่น (คดีเร่ง, คดีพิเศษ, คดีทั่วไป หรือคดีธรรมดา): ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับสำนวน
  • คำร้องขอปล่อยชั่วคราว: ภายในวันที่ได้รับคำร้องจากศาลชั้นต้น
  • คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ (คดีผู้บริโภค, ค้ามนุษย์, และทุจริตและประพฤติมิชอบ): ภายใน 3 เดือน นับแต่ได้รับสำนวน

ศาลฎีกา

  • คำร้องขออนุญาตฎีกา: ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง
  • คดีเร่งพิเศษ: ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับสำนวนจากศาลชั้นต้น
  • คดีประเภทอื่น: ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับสำนวนจากศาลชั้นต้น
  • คำร้องขอปล่อยชั่วคราว: ภายในวันที่ได้รับคำร้องจากศาลชั้นต้น

เหตุแห่งความล่าช้าในชั้นอุทธรณ์และฎีกา: อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกัน เช่น การโอนสำนวนคดี, คดีมีความซับซ้อนและมีเอกสารจำนวนมาก, การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่, หรือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งจะไม่นับรวมในระยะเวลาพิจารณาคดี


การกำหนดมาตรฐานระยะเวลาในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การบริหารจัดการคดีของศาลยุติธรรมมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศต่อไป

ที่เกี่ยวข้อง

ศาลยุติธรรม

ความคิดเห็น (0)


ยังไม่มีความคิดเห็นสำหรับบทความนี้

แสดงความคิดเห็นของคุณ